“วิธีห้อยพระ” ให้ถูกต้อง เสริมสิริมงคลมากขึ้น ขลังยิ่งกว่าของดีในสภา


feature-image_singlepost-“วิธีห้อยพระ” ให้ถูกต้อง เสริมสิริมงคลมากขึ้น ขลังยิ่งกว่าของดีในสภา

ท็อปฟอร์มไม่หยุด! กระแส ข่าวการเมือง การเปิดประชุมสภาฯอภิปรายไม่ไว้วางใจ (วันที่ 17 ก.พ. 64) ว่าร้อนระอุแล้ว ก็ยังสู้กระแสข่าว “เหรียญหลวงพ่อป้อม” ที่ฮือฮาไปทั้งโซเชียลไม่ได้ เมื่อนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้โชว์จี้ทองรูปหน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมระบุว่าเป็น เหรียญหลวงพ่อป้อม และเหรียญรุ่นป่ารอยต่อ ซึ่งเขาคิดว่า บิ๊กป้อม เป็นบุคคลที่เขานับถือ และเชื่อว่าท่านสามารถปกป้องคุ้มครองได้ จึงนำมาห้อยคอ แน่นอนว่าหลังจากนั้นก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา ด้วยประเด็นถกเถียงเหล่านี้เลยเป็นที่มาของบทความของ Haihuayonline ในวันนี้ที่จะมาพูดถึง “วิธีห้อยพระ” นั่นเอง

tode แทงหวยเรื่องง่าย
แทงหวยเรื่องง่ายกับ TODE อันดับ1 เรื่องหวย สมัครเว็บ tode ได้ง่ายๆอีก

ห้อยพระ ความเชื่อ

กลายเป็นเรื่องปกติจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมไปแล้ว กับการไถ่ถามผู้ประสบเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่ผ่านพ้นมาได้แบบเหลือเชื่อ ว่า “แขวนพระอะไร” หรือ “มีของดีอะไร” ดังนั้นจึงไม่แปลกนักที่สื่อมักจะพาดหัวนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ ความเชื่อในเรื่องของการห้อยพระเครื่อง คล้าย ๆ กับเรื่องราวของนักการเมืองที่เราได้กล่าวไปเมื่อตอนต้น 

และด้วยความที่หลาย ๆ คนมีความเชื่อและความศรัทธาที่แตกต่างกันออกไป อาจส่งผลให้บางคนอาจจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว พระแต่ดั้งเดิมไม่ได้มีไว้ห้อยคอ ซึ่งหากย้อนไปในอดีตการสร้างพระองค์เล็ก ๆ แบบนี้ที่เรานิยมนำมาห้อยคอในยุคนี้ มีมานานนับพันปีแล้ว หลังจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน โดยเรียกพระองค์เล็ก ๆ แบบนี้ว่า “พระพิมพ์”

เหตุเพราะ คนโบราณเขาเกรงกันว่าถ้าหมดอายุพระศาสนาแล้ว หลักธรรมต่าง ๆ จะเสื่อมสูญหายไปหมด เลยต้องทำหลักฐานเอาไว้ด้วยการทำพระฉายา หรือรูปลักษณ์พระพุทธเจ้า รวมถึงสลักหลักธรรมเอาไว้ด้วย หวังว่าคนในยุคต่อไปมาค้นพบจะได้รู้จักหลักธรรม และฟื้นฟูศาสนาขึ้นใหม่ 

ด้วยเหตุนี้ พระพิมพ์ในยุคโบราณ เขาจึงไม่ได้ทำไว้แขวนคอกัน แต่ทำไว้เพื่อสืบต่อพระศาสนา ซึ่งการสืบต่อศาสนานั้นถือเป็นการสร้างบุญอย่างหนึ่ง ทำให้การสร้างพระพิมพ์ยุคถัด ๆ มา โดยมีเป้าหมายเพื่อการสร้างกุศล

ส่วนคำถามที่ว่า แล้วพระเครื่องมาแขวนกันตอนไหน? ยังไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันแน่ชัด แต่จากการศึกษาหาข้อมูลมา สันนิษฐานกันว่าการห้อยพระอาจจะเริ่มในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยวัดเอาจากเสภา “เรื่องขุนช้างขุนแผน” ที่แต่งขึ้นราวสมัยรัชกาลที่ 2 เพราะในตอนขุนช้างไปตาม นางวันทอง คืนจากขุนแผน มีบทบรรยายการแต่งองค์ทรงเครื่องของขุนช้างว่าประโคมของดีจนเต็มตัว ซึ่งในนั้นมีการกล่าวถึงการอม “พระภควัม” หรือ “พระปิดตา” ที่เป็นสุดยอดพระเครื่องจวบมาจนถึงปัจจุบัน

วิธีห้อยพระ ที่ถูกต้อง

เชื่อว่าหลายคนมี “พระเครื่อง” ที่ศรัทธาหลายองค์ มีทั้งพระเครื่องที่เป็น พระพุทธ พระเกจิอาจารย์ และ เครื่องรางของขลัง ซึ่งหากเรามีพระอยู่หลายชนิดขนาดนี้เราจะมี วิธีห้อยพระ ที่ถูกต้องอย่างไร ถึงจะเป็นการเคารพต่อพระรัตนตรัยได้ เรามาค้นหาคำตอบคาใจกัน ดังนี้

ห้อยพระกี่องค์ดี

โดยปกติแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะห้อยพระเครื่องเป็นจำนวนเลขคี่ เช่น 1 องค์ / 3 องค์ / 5 องค์ / 9 องค์ เป็นต้น จึงทำให้เกิดความสงสัยว่า จำเป็นไหมที่ห้อยเป็นเลขคี่ แล้วถ้า ห้อยพระ 2 องค์ได้ไหม ห้อยเป็นเลขคู่จะเป็นอะไรหรือเปล่า สามารถตอบด้วยเหตุผล ทางวิทยาศาสตร์อย่างง่าย ๆ ได้ว่า

  • สาเหตุที่ห้อยเป็นเลขคี่โดยส่วนใหญ่นั้น เพื่อให้เกิดความสมดุลในการห้อยมากกว่า เพราะถ้าห้อย 1 องค์ แน่นอนก็มีตรงกลางองค์เดียว พระก็อยู่ตรงกลางไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ส่วน วิธีห้อยพระ 3 องค์ ก็มีสมดุลซ้ายขวาข้างละองค์ วิธีห้อยพระ 5 องค์ ก็มีสมดุลซ้ายขวาข้างละ 2 องค์พอดี ทำให้เกิดความสมดุลในการห้อยพระ ตั้งตรง ไม่บิดเบี้ยวไปไหน
  • แต่ถ้าห้อยเป็นจำนวนคู่อย่าง วิธีห้อยพระ 2 องค์ / 4 องค์ / 6 องค์ จะเห็นว่า 2 ข้างของสร้อยจะมีความไม่เท่ากันเกิดขึ้น ก็จะเกิดการเอียงไปทางซ้ายหรือขวา ด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้เวลาห้อยพระ สร้อยจะบิดเอียงไปมา เพราะไม่มีองค์ตรงกลางสร้างสมดุล ทำให้ไม่ทะมัดทะแมงในการห้อย จึงทำให้ส่วนใหญ่มักจะห้อยกันเป็นเลขคี่

ซึ่งการห้อยเป็นเลขคู่เลขคี่ ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับความศักดิ์สิทธิ์ของพระเลย เพราะพลังงานของพระนั้น เป็นพลังงานที่สะอาด บริสุทธิ์ มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่มีประมาณตามความเชื่อและความศรัทธาของแต่บุคคลอยู่แล้ว ฉะนั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเองเลยว่าสบายใจจะห้อยกี่องค์ 

คุณลุงห้อยพระที่คอหลายร้อยองค์
แต่แบบนี้ก็อาจจะมากไปนิดนึง

ลำดับการห้อยพระ หรือ ตำแหน่งการห้อยพระ

ถึงแม้จำนวนของการห้อยพระจะไม่มีผลอะไรต่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่อง แต่เรื่อง ลำดับการห้อยพระ หรือ ตำแหน่งการห้อยพระ ควรเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาให้ดี โดย “หลวงพ่อเกษม เขมโก” พระเถระและเกจิอาจารย์ชื่อดัง เคยกล่าวไว้ว่า ให้ห้อยพระพุทธสูงกว่าพระสงฆ์ โดยสามารถลำดับ ตำแหน่งการห้อยพระ ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้ดังนี้

  • กลุ่มบนสุด ให้ห้อยพระพุทธเจ้า ที่เป็นรูปพระพุทธเจ้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น พระสมเด็จ พระรอด พระซุ้มกอ พระแก้วมรกต พระพุทธโสธร พระพุทธชินราช เป็นต้น
  • กลุ่มตรงกลาง ให้ห้อยรูปพระสาวกในสมัยพุทธกาล เช่น พระสีวลี พระสังกัจจายน์ พระปิดตา พระอุปคุต เป็นต้น
  • กลุ่มล่างสุด ให้ห้อยพระเครื่องที่เป็นรูปพระเกจิอาจารย์ เช่น หลวงปู่ทวด หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อคูณ หากรู้ว่าใครอาวุโสกว่าก็ควรให้องค์นั้นอยู่สูงกว่า
  • กลุ่มเครื่องราง หากใครที่อยาก แขวนพระรวมกับเทพ เช่น พญานาค ครุฑ ให้ห้อยต่ำกว่าพระสงฆ์หรือพระเกจิอาจารย์ลงมา ส่วนการ ห้อยพระกับเครื่องราง ควรให้เครื่องรางอยู่ต่ำสุด 

ข้อห้ามการห้อยพระ

ข้อห้ามสำคัญที่ไม่ควรกระทำเมื่อสวมใส่พระเครื่องนั้น ต้องพิจารณาจากผู้ปลุกเสกว่ามีการกำหนดมาในการใช้พระเครื่องนั้นหรือไม่ โดยเหตุของข้อห้ามส่วนใหญ่แล้วแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือ

ทางเข้า world casino เว็บหลัก
50 บาทก็กลายเป็นหมื่นได้ ทางเข้า world casino เว็บหลัก คาสิโนออนไลน์

ข้อห้ามกรณีของการตั้งสัจจะอธิษฐาน เพื่อดึงพลังงานพระเครื่องให้เกิดขึ้น

เช่น ทำตามคำสั่งที่ครูเจ้าของวิชาในอดีตสั่งห้ามไว้ ก็จะช่วยโน้มพลังงานแรงครูต่าง ๆ ของวิชานี้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งมักจะเป็นการปลุกเสกด้วยคาถาอาคม ถ้าเป็นการปลุกเสกลักษณะนี้แล้ว หากมีการละเมิดข้อห้ามเกิดขึ้น พลังงานที่เกิดจากคาถาอาคม หรือแรงครูต่างๆที่ปลุกเสกไว้ก็อาจจะสลายหายไปได้

ข้อห้ามกรณีการปลุกเสกโดยอาราธนาบารมีแห่ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

หากปลุกเสกโดยอาราธนาบารมีแห่งพระรัตนตรัยมาแล้ว การตั้งข้อห้ามจะตั้งขึ้นเพื่อช่วยผู้ใช้ไม่ให้เสื่อม ให้ผู้ใช้มีสติอยู่ในศีลในธรรม คือ ไม่กินเหล้า ไม่ด่าทอพ่อแม่ใคร ซึ่งเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้เกิดกับจิตของผู้ใช้เอง หากทำผิดมีความเชื่อว่าพระเครื่องนั้นจะหมดความศักดิ์สิทธิ์ไปชั่วคราว เพราะเทวดาหนีกลับไป แต่ถ้าผู้ใช้กลับมาทำตัวดีอยู่ในศีลในธรรม พระเครื่องนั้นก็จะกลับมาศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งหนึ่ง

แต่แก่นที่สำคัญที่สุดของข้อห้ามการห้อยพระเครื่องนั้นคือการ “ไม่ทำชั่ว” ไม่ทำผิดศีลธรรมทั้งปวง เพราะแม้พระเครื่องจะศักดิ์สิทธิ์เพียงใด แต่ผู้ห้อยยังทำตัวผิดศีลธรรม ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ก็ไม่สามารถเอาพลังบุญอันบริสุทธิ์มาใช้ดูแลรักษาตนเองได้เลย

ห้อยพระตามวันเกิด ให้ถูกโฉลก

พระเครื่องก็เป็นวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์ อันดับ 1 ที่คนไทยนิยมบูชา มีการนำพระเครื่องมาแขวนคอ หรือห้อยคอพกติดตัว ทั้งความต้องการหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ช่วยปกป้องคุ้มครอง และเป็นที่เชื่อกันว่า “การห้อยพระถูกโฉลก” จะช่วยเสริมดวงพลังพุทธคุณ พลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของการเกื้อหนุนชีวิตให้รุ่งเรืองก้าวหน้าได้ ดังนี้

คนเกิดวันอาทิตย์

พระปางมารวิชัย
พระปางมารวิชัย

พระเครื่องสำหรับคนเกิดวันอาทิตย์ ควรจะเป็นพระพิมพ์ที่ผ่านความร้อนจากไฟ เนื่องจากจะช่วยหนุนธาตุประจำตัว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งควรเป็น พระปางมารวิชัย เพราะเป็นพระพิมพ์ ที่พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะพญามาร ช่วยเสริมความเป็นสิริมงคล และกำจัดศัตรูให้หมดไป

คนเกิดวันจันทร์

พระยอดขุนพล
พระยอดขุนพล

พระเครื่องสำหรับคนเกิดวันจันทร์ ควรจะเป็นตระกูล พระยอดขุนพล ซึ่งมีหลากหลายเนื้อ ทั้งเนื้อดิน เนื้อชิน และเนื้อสัมฤทธิ์ โดยเชื่อกันว่าทรงพุทธคุณเป็นเลิศในด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี

คนเกิดวันอังคาร

พระผงในตระกูลพระสมเด็จ
พระผงในตระกูลพระสมเด็จ

พระเครื่องสำหรับคนเกิดวันอังคาร ควรจะเป็นพระเครื่องที่ทำมาจากผงพุทธคุณ และพระที่ไม่ผ่านไฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระผงในตระกูลพระสมเด็จ ที่จะช่วยลดพลังความร้อนให้จิตใจเยือกเย็นมีสมาธิ และส่งเสริมดวงชะตาให้มีเมตตา เป็นที่รักแก่ผู้ที่พบเห็นมากขึ้น

คนเกิดวันพุธ (กลางวัน)

ปางลีลาเสด็จกลับจากดาวดึงส์
ปางลีลาเสด็จกลับจากดาวดึงส์

พระเครื่องสำหรับคนเกิดวันพุธ (กลางวัน) คือ พระเครื่องที่เป็นพระปางลีลา หรือ ปางลีลาเสด็จกลับจากดาวดึงส์ โดยไม่จำกัดวัสดุที่ใช้ จะเป็นเนื้อดิน เนื้อชิน เนื้อผง จะผ่านไฟหรือไม่ผ่านไฟก็ได้ เนื่องจากวันพุธเป็นฤกษ์แห่งการทำมาหากิน อันแสดงให้เห็นถึงความสามารถรอบด้านของผู้ที่เกิดวันนี้ ส่งเสริมช่วยให้หน้าที่การงาน กิจการก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง

คนเกิดวันพุธ (กลางคืน)

พระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง
พระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง

พระเครื่องสำหรับคนเกิดวันพุธ (กลางคืน) มีเทวดาประจำวันเกิดเป็น พระราหู ทำให้ผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืนมักมีสัมผัสพิเศษ มีลางสังหรณ์มากกว่าคนเกิดวันอื่น พระเครื่องที่ควรห้อยบูชา ควรเป็นวัตถุมงคลที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์มากกว่าปกติ คือ พระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง , เบี้ยแก้,ไม้ครู , ลูกสะกด เป็นต้น เพื่อเสริมดวงไว้คุ้มครองป้องกันอาถรรพ์ต่าง ๆ รวมถึงป้องกันสิ่งไม่ดี อบายมุขต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามาทำลายชีวิตได้

คนเกิดวันพฤหัสบดี

พระปางเปิดโลก
พระปางเปิดโลก

พระเครื่องสำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดี ควรเป็น พระปางเปิดโลก พระเครื่องที่มีพุทธลักษณะเป็น พระยืนปางเปิดโลก ด้วยความที่เป็นผู้มีความรู้มีปัญญา พระปางเปิดโลกจะช่วยเสริมดวงวาสนา และพลังแห่งปัญญา เปิดโลกทัศน์ทางความคิดให้กว้างไกลยิ่งขึ้น

คนเกิดวันศุกร์

พระปิดตาภควัมปติ
พระปิตตาภควัมปติ

พระเครื่องสำหรับคนเกิดวันศุกร์ คือ ประเภทพระปิดตาหรือพระมหาลาภ  เช่น พระปิตตาภควัมปติ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้ที่เกิดวันศุกร์ไม่หลงใหลอยู่กับสิ่งยั่วยวนสายตามากเกินไป และช่วยดึงความสามารถไปใช้ในทิศทางที่ดี เสริมให้มีโชคลาภวาสนาอย่างคาดไม่ถึง

คนเกิดวันเสาร์

พระว่านหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี
พระว่านหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปัตตานี

พระเครื่องสำหรับคนเกิดวันเสาร์ เหมาะกับพระเครื่องที่ทำมาจากว่านเนื้อธรรมชาติ เช่น พระว่านหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปัตตานี มีคุณลักษณะที่เย็นและบริสุทธิ์จากธรรมชาติ ช่วยทำให้ลดความเคร่งเครียด และความจริงจังเกินเหตุของคนเกิดวันเสาร์ให้ปล่อยวาง และเบาลงได้

สรุป

การห้อยพระนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราควรที่จะให้ความเคารพนับถือเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เพราะว่าพระนั้นเป็นตัวแทนของพระพุทธศาสนา โดยการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าคุณจะมี วิธีห้อยพระ ที่ถูกต้องมากแค่ไหน แต่คุณยังเลือกที่จะประพฤติปฏิบัติตนผิดศีลธรรม ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ก็ไม่สามารถเอาพลังบุญไหนมาใช้ดูแลรักษาตนเองได้เลย

สุดท้ายแล้วอย่าลืมติดตามข่าวหวยไทยรัฐ ข่าวหวยไทยรัฐทีวี ข่าวหวยแม่จําเนียร ข่าวหวย ข่าวดัง เลขเด็ด แนวทางหวยลาว หวยฮานอย หวยออนไลน์ หวยหุ้นออนไลน์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดลับเสริมดวง ทำนายฝัน ทายนิสัย และอื่น ๆ อีกมากมาย จากทางเว็บไซต์ของ haihuayonline และ ตรวจหวย.com ที่มีมาอัพเดทให้อยู่ทุกวัน รับประกันว่าเซียนหวยและสายมูเตลูทั้งหลายห้ามพลาดในทุกรูปแบบ